Pages

Monday, June 8, 2020

โจ ไบเดน อดีตรอง ปธน. สมัยโอบามา จะเอาชนะทรัมป์ และเป็นผู้นำสหรัฐฯ คนต่อไปได้ไหม - บีบีซีไทย

kerisasakti.blogspot.com

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะได้อยู่ทำเนียบขาวต่อไปอีก 4 ปีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสมัยบารัค โอบามา

ไบเดน ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมเเครตในการเลือกตั้งเดือน พ.ย. นี้

ในสายตาผู้สนับสนุน เขาเป็นผู้มีประสบการณ์ในเกมการเมืองมาหลายทศวรรษ ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ แต่ในสายตาผู้วิพากษ์วิจารณ์ เขาคือผู้มีประวัติประพฤติไม่เหมาะสมกับผู้หญิงหลายต่อหลายครั้ง

ชายวัย 77 ปีผู้นี้มีศักยภาพที่จะเอาชนะทรัมป์ได้หรือไม่

นักพูด

ไบเดนมีประสบการณ์หาเสียงยาวนาน ได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาเมื่อปี 1973 และลงสมัครเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งแรกเมื่อปี 1987

อย่างไรก็ดี เวลาปราศรัยหาเสียงเขามัก "ติดลม" จนพูดออกนอกบทบ่อยครั้ง ครั้งหนึ่งเขาเคยพูดว่าบรรพบุรุษเขาเป็นคนงานเหมือง และเขาก็รู้สึกโกรธที่พวกเขาไม่ได้รับโอกาสในชีวิตอย่างที่สมควร

อย่างไรก็ดี บรรพบุรุษเขาไม่ได้เป็นคนงานเหมืองจริง และเขาไปขโมยคำปราศรัยนั้นมาจากนักการเมืองอังกฤษอีกที

เมื่อปี 2009 ช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสมัย ปธน.โอบามา เขาทำให้ประชาชนตกใจด้วยการบอกว่า มีโอกาส 30 เปอร์เซ็นต์ ที่รัฐบาลจะทำเดินนโยบายเศรษฐกิจผิดพลาด

อาจเรียกได้ว่าเขาโชคดีที่ได้รับเลือกให้เป็นรองประธานาธิบดี แม้ก่อนหน้านั้นจะเคยพูดถึงนายโอบามาว่าเป็น "ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันในกระแสหลักคนแรกที่พูดจาฉะฉาน ฉลาด สะอาด และเป็นผู้ชายที่ดูดี"

อย่างไรก็ดี เขาก็ยังได้คะแนนนิยมค่อนข้างสูงจากชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน แม้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ ในรายการวิทยุที่จัดโดยพิธีกรผิวดำชื่อ ชาร์ลามาจ์น ธา ก็อด ไบเดนจะแพ้ภัยคำพูดของตนเองที่ว่า "ถ้ายังคิดไม่ออกว่าจะสนับสนุนผมหรือทรัมป์ ก็แปลว่าคุณก็ไม่ใช่คนผิวดำ"

ประโยคข้างต้นทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย จนทำให้ทีมงานของเขาต้องรีบออกมาย้ำว่าไบเดนเห็นค่าของคะแนนเสียงจากชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน

นักหาเสียง

ต่างจากนักการเมืองจำนวนมากที่พูดปราศรัยราวกับเป็นหุ่นยนต์ ไบเดนดู "จริง" มากกว่าเวลาพูดกับประชาชน เขาบอกว่าการเป็นคนติดอ่างตอนเด็ก ๆ ทำให้เขาไม่ชอบอ่านบทจากเครื่องบอกบท หรือ autocue และเลือกที่จะพูดจากใจแทน

การพูดนอกบทของเขาจับใจชนชั้นแรงงานอเมริกัน และก็มักจะมุ่งเข้าไปทักทายคน จับมือ ตบหลัง ให้ถ่ายเซลฟี่ด้วยราวกับเขาเป็นร็อกสตาร์

แต่แล้วการถึงเนื้อถึงตัวมากเกินไปก็นำมาซึ่งปัญหาในเวลาต่อมา

ข้อกล่าวหา

มีผู้หญิง 8 คนแล้วที่ออกมากล่าวหาว่าไบเดน สัมผัส กอด และจูบ พวกเธออย่างไม่เหมาะสม และรายการข่าวต่าง ๆ ในสหรัฐฯ ก็แสดงคลิปวิดีโอตอนเขาถึงเนื้อถึงตัวผู้หญิงเวลาออกงานสังคม ซึ่งรวมไปถึงการชอบดมผมผู้หญิงด้วย

ไบเดนบอกว่า เขาให้คำมั่นสัญญาว่าจะระมัดระวังในการปฏิสัมพันธ์มากขึ้น

อย่างไรก็ดี เมื่อเดือน มี.ค. ทารา รีด อดีตผู้ช่วยเขา ออกมากล่าวหาว่าไบเดนล่วงละเมิดทางเพศเธอเมื่อ 30 ปีที่แล้ว แต่ไบเดนปฏิเสธว่าเหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ดี ตั้งแต่มีกระแสรณรงค์ #MeToo นักการเมืองพรรคเดโมแครต รวมถึงตัวไบเดนเอง ออกมาย้ำว่าสังคมควรจะเชื่อคำบอกเล่าของผู้หญิง และการออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของไบเดนก็ทำให้นักเคลื่อนไหวรู้สึกไม่สบายใจนัก

ประสบการณ์ช่วยได้ไหม

เขามีประสบการณ์งานการเมืองมากมาย ไม่ว่าจะเป็นมากกว่าสามทศวรรษในฐานะสมาชิกวุฒิสภา และ 8 ปีในฐานะรองประธานาธิบดีสมัยโอบามา

แต่ประสบการณ์เยอะก็ไม่ได้ช่วยเสมอไป เห็นได้จากกรณีของอัล กอร์, จอห์น เคอร์รี, และฮิลลารี คลินตัน ที่พ่ายแพ้ผู้ท้าชิงจากพรรคริพับลิกัน

ที่ผ่านมา มีมากกว่าหนึ่งครั้งที่ชาวอเมริกันลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครที่บอกว่าไม่ได้มีประสบการณ์ในระบบการเมืองในกรุงวอชิงตันดีซี และในศึกครั้งนี้ การมีประสบการณ์เยอะอาจกลายเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับเขาก็ได้

คำวิจารณ์

ท่าทีและการสนับสนุนนโยบายของไบเดนในอดีตได้กลับมาหลอกหลอนเขาในตอนนี้ ในช่วงทศวรรษ 70 เขาเข้าข้างผู้เคลื่อนไหวแบ่งแยกเชื้อชาติในรัฐทางตอนใต้ของสหรัฐฯ ไม่เห็นด้วยกับการให้เด็กนั่งรถบัสไปโรงเรียนในละแวกอื่น ๆ เพื่อเป็นการให้เด็กผิวขาวและผิวดำไปโรงเรียนรัฐเดียวกัน

นี่เป็นเหตุการณ์ที่ถูกยกนำกลับมาโจมตีเขาบ่อยครั้ง และคาดว่าจะมีการวิจารณ์โจมตีในลักษณะนี้ต่อไป

โศกนาฏกรรมครอบครัว

สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนรู้สึกว่าเข้าถึงและเห็นใจไบเดนได้คือโศกนาฏกรรมในครอบครัวเขา ช่วงที่เขากำลังจะได้เป็นสมาชิกวุฒิสภาสมัยแรก ภรรยาและลูกสาวเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกชายสองคนของเขาได้รับบาดเจ็บ

โบ ลูกชายผู้รอดชีวิตคนหนึ่งเสียชีวิตด้วยอาการเนื้องอกในสมอง ในวัย 46 ปี ส่วนลูกชายอีกคน หรือ ฮันเตอร์ ตกเป็นข่าวกรณีอื้อฉาวมากมาย

การถอดถอน ปธน.ทรัมป์

นอกจากฮันเตอร์ ลูกชายไบเดนอีกคนหนึ่ง จะทำให้เกิดข่าวอื้อฉาวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการกินเหล้า ใช้ยาเสพติด และการพัวพันกรณีทุจริตกับมหาเศรษฐีด้านพลังงานชาวจีน เขายังเป็นที่มาของกรณีการถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วย

ฮันเตอร์ ทำงานได้เงินเดือนสูงในยูเครน ซึ่งในเวลาต่อมา มีการกล่าวหาว่านายทรัมป์โทรไปหาประธานาธิบดียูเครน และขอให้เขาช่วยสอบสวนโจ ไบเดน รวมถึงตัวฮันเตอร์ว่าไปพัวพันในข้อหาทุจริตหรือไม่ โดนัลด์ ทรัมป์รอดจากการถูกถอดถอนหลังวุฒิสภาลงมติว่า ปธน.สหรัฐฯ ไม่มีความผิด

การต่างประเทศ

แม้ว่าไบเดน จะบอกว่าเขามีประสบการณ์ด้านการเมืองต่างประเทศมาก แต่บางฝ่ายก็บอกว่าผลงานเขาไม่ได้โดดเด่นเท่าไรนัก

เขาลงคะแนนเสียงไม่เห็นด้วยกับการเข้าร่วมสงครามอ่าว (Gulf War) เมื่อปี 1991 แต่เห็นด้วยกับการนำกองกำลังบุกอิรักในปี 2003 และในเวลาต่อมากลับมาวิพากษ์วิจารณ์การเข้าไปแทรกแซงของสหรัฐฯ

เขาแนะนำไม่ให้ ปธน.โอบามา ส่งกองกำลังพิเศษซึ่งไปสังหารโอซามา บิน ลาเดน ผู้นำกลุ่มอัลไคดา ได้สำเร็จ

นักเคลื่อนไหวรุ่นใหม่สังกัดพรรคเดโมแครต ซึ่งมีความคิดต่อต้านสงคราม ไม่เห็นด้วยกับทัศนคติของไบเดนนัก และชอบเบอร์นีย์ แซนเดอร์ส และเอลิซาเบธ วอร์เรน มากกว่า

แม้ว่าแนวความคิดเขาไม่ได้ทำให้นักเคลื่อนไหวฝ่ายพรรคเดโมแครตตื่นเต้นนัก แต่เขาก็หวังว่านั่นจะดีพอสำหรับคนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใครให้หันมาเลือกเขา

โค้งสุดท้าย

โพลสำรวจความคิดให้ไบเดนได้คะแนนนำทรัมป์มา 10 แต้มอย่างสม่ำเสมอ แต่เส้นทางสู่การเลือกตั้งเดือน พ.ย. ยังอีกยาวไกล

ทรัมป์และไบเดนปะทะกันอยู่เสมอ ทั้งเรื่องการประท้วงเพื่อความเท่าเทียมของชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน และการรับมือกับวิกฤตโควิด-19

หากไบเดนชนะการเลือกตั้ง นี่จะเป็นความสำเร็จสูงสุดในเส้นทางการเมืองอันยาวนาน หากแพ้ เขาจะให้เวลาอีกสี่ปีกับชายที่เขาคิดว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเป็นคนที่เชื่อถือไม่ได้

ย้อนไปเมื่อปี 2016 ตอนที่เขาคิดว่าจะลงสมัครเป็นผู้ท้าชิงประธานาธิบดีหรือไม่ เขาบอกว่า "ผมสามารถตายได้อย่างมีความสุขโดยไม่ต้องเป็นประธานาธิบดี"

เขาอาจจะไม่ได้คิดเช่นนั้นอีกแล้ว

Let's block ads! (Why?)



"ที่มา" - Google News
June 09, 2020 at 08:33AM
https://ift.tt/2zeJS9t

โจ ไบเดน อดีตรอง ปธน. สมัยโอบามา จะเอาชนะทรัมป์ และเป็นผู้นำสหรัฐฯ คนต่อไปได้ไหม - บีบีซีไทย
"ที่มา" - Google News
https://ift.tt/2ZXuIAi

No comments:

Post a Comment