ที่มาของสมญานาม Targa Florio
ผลพวงจากแนวทางการพัฒนาใหม่และกระแสต่อต้านการใช้งานรถเปิดประทุนในประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้ Porsche ต้องเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่รถยนต์เปิดประทุนให้กลุ่มลูกค้าชาวอเมริกัน มีการพิจารณานำเอาชื่อของสนามแข่งที่ Porsche ประสบความสำเร็จในการประลองความเร็วมาเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจตั้งชื่อรถยนต์รุ่นใหม่ หนึ่งใน รายชื่อที่น่าสนใจเป็นอันดับต้นๆ คือ Targa Florio สนามแข่งรถในแคว้นซิซิลี ที่ซึ่ง Porsche ได้สรรสร้างผลงานอันยอดเยี่ยมประดับวงการมอเตอร์สปอร์ตเอาไว้ตั้งแต่ช่วงกลางยุค 1950 ในระยะแรก คำว่า 911 Flori คือชื่อที่ถูกนำมาพิจารณา จนกระทั่ง Harald Wagner หัวหน้าฝ่าย Domestic Sales หาคำตอบ ที่ทุกคนต้องฉุกคิดผ่านคำถามที่ว่า ทำไมถึงไม่เรียกมันว่า Targa ในภาษาอิตาลี ซึ่งมีความหมายว่า ป้ายทะเบียน หลังจากนั้นตำนานหลังคาทรงประหลาดก็ได้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาในทันทีที่ข้อความดังกล่าวปรากฏบนโบรชัวร์
เดือนสิงหาคม ปี 1965 Porsche จดสิทธิบัตรชื่อ Targa ต่อมาในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี 1966 Targa ได้รับการเปิดตัว เพื่อเสริมทัพเพิ่มเติมจากรุ่นตัวถัง Coupe สำหรับ Porsche 911, 911 S และ 912 ปลายฤดูร้อนของปี 1967 ลูกค้า Targa สามารถเลือกสั่งติดตั้งอุปกรณ์พิเศษ หน้าต่างบานท้ายแบบถาวรพร้อมระบบไล่ฝ้า ผลิตจากกระจกนิรภัย แทนที่หน้าต่างพลาสติกพับได้ในแบบปกติ โดยอุปกรณ์ดังกล่าวได้กลายเป็นมาตรฐานในปีถัดมา และยังคงถูกติดตั้งใน 911 Targa ทุกรุ่น ไม่เปลี่ยนแปลงจนกระทั่งปี 1993
อุปกรณ์พิเศษสำหรับ Targa รุ่นตัวถัง G series
Targa ยังคงได้รับการบรรจุให้เป็นหนึ่งในรุ่นตัวถังที่ผลิตออกมาทำตลาด ใน Porsche 911 เจนเนอเรชั่นที่ 2 G series ซึ่งถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายฤดูร้อนของปี 1973 นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งแรกของตัวถัง 911 ด้วยการติดตั้งกันชน box-shaped สีดำแบบใหม่ตอบรับกฎหมายด้านความปลอดภัยฉบับใหม่ของสหรัฐอเมริกา อุปกรณ์ดังกล่าวสามารถรองรับแรงกระแทกที่ความเร็วไม่เกิน 8 กิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยไม่เกิดความเสียหายถึงตัวถังรถ ในส่วนของงานออกแบบ ระบบหลังคา Targa ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในทางเทคนิครูปลักษณ์ภายนอก ได้รับการปรับเปลี่ยนโรลบาร์ของหลังคา Targa เดิมเป็นสแตนเลสปัดเงา สามารถเปลี่ยนเป็นสีดำได้ จวบจนการมาถึงของ Porsche 911 SC cabrio ซึ่งเปิดตัวเสริมทัพในเดือนมกราคม ปี 1983 อย่างไรก็ตาม Targa ยังคงวางขายจนกระทั่งสิ้นสุดระยะเวลาการทำตลาดของตัวถัง G series ในปี 1989
รหัสตัวถัง 964 พร้อมการเปลี่ยนแปลงกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังคงความคลาสสิกสไตล์ Targa
เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ปี 1988 Porsche เปิดตัว 911 ขับเคลื่อน 4 ล้อ รุ่นแรก ภายใต้ชื่อ 911 Carrera 4 รหัสตัวถัง 964 สานต่อตำนานรถสปอร์ตขับเคลื่อน 4 ล้อ เจนเนอเรชั่นที่ 3 จากโรงงาน Zuffenhausen Porsche ยังคงเอกลักษณ์รูปทรงตัวถังคลาสสิกของ 911 ภายใต้กระแสอนุรักษ์นิยมดังกล่าว ชิ้นส่วนอะไหล่กว่า 85 เปอร์เซ็นต์ของตัวรถได้รับการเปลี่ยนใหม่ หลังจากนั้นเพียง 1 ปี รุ่นขับเคลื่อนล้อหลังสไตล์ดั้งเดิมถูกเปิดตัวภายใต้ชื่อ 911 Carrera 2 แต่ทั้งหมดยังคงทำตลาดผ่านรูปแบบตัวถัง 3 ทางเลือกเช่นเดิม: นั่นคือ 2 ประตูคูเป้ (Coupé), เปิดประทุน คาบริโอเล็ต (Cabriolet) และ ทาร์กา (Targa) Porsche 911 Carrera 2 Targa) และ 911 Carrera 4 Targa ที่ถูกผลิตขึ้นจนถึงปี 1993 ยังคงความคลาสสิกสไตล์ Targa ด้วยโรลบาร์ และหลังคาช่วงกลางตัวถังที่สามารถเปิดได้ Targa จำนวน 87,663 คัน ได้รับการสร้างขึ้นใน 3 เจนเนอเรชั่นแรกของสายพันธุ์ 911
วิวัฒนาการจาก Targa โรลบาร์ สู่ 911 Targa หลังคากระจก รหัสตัวถัง 993
เจนเนอเรชั่นที่ 4 ของ Porsche 911 รหัสตัวถัง 993 เปิดตัวครั้งแรกในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี 1993 ผสมผสานการพัฒนางานออกแบบตัวถังใหม่ พร้อมแนวคิดของหลังคา Targa รูปแบบใหม่ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 1995 เป็นครั้งแรกสำหรับ 911 ที่ซุ้มล้อหน้ามีขนาดที่กว้างและแบนราบมากขึ้นอย่างชัดเจนในส่วนของซุ้มล้อหลังได้รับ การขยายความกว้างและวางเส้นสายในแนวตรงไปยังส่วนท้ายของรถเช่นกันกับการพัฒนาขุมพลังเครื่องยนต์และระบบ ช่วงล่างให้ดีเยี่ยมยิ่งขึ้น รหัสตัวถัง 993 มีการเปลี่ยนแปลงทิศทางการออกแบบ 911 รุ่น Targa ใหม่ทั้งหมด โดยตัด Targa โรลบาร์ออก แทนที่ด้วยหลังคากระจกฉนวนกันความร้อนวางตำแหน่งตั้งแต่กรอบกระจกบังลมหน้า จนถึงท้ายรถรักษาคุณลักษณะของโครงสร้างนิรภัยตลอดแนวตัวถังรถเอาไว้ได้เป็นอย่างดี หลังคาควบคุมกลไกการเปิดปิดด้วย ระบบไฟฟ้าให้การทำงานที่ราบรื่น พับหลังคาเก็บซ่อนใต้กระจกบังลมหลังอย่างแนบเนียน ข้อดีของหลังคาสไตล์ใหม่นี้คือระดับเสียงรบกวนจากลมปะทะในขณะที่ปิดหลังคาจะลดลง ด้วยวัสดุ ภายในทนความร้อนคุณภาพสูงบุคลิกเฉพาะตัวที่ถ่ายทอดมาสู่ Targa แนวกระจกบังลมหลังที่ลู่ลง 911 Targa รหัสตัวถัง 993 คือส่วนผสมอันลงตัวระหว่างสุนทรียภาพแห่งการขับขี่รถยนต์เปิดประทุน ให้เป็นหนึ่งเดียวกับสมรรถนะชั้นเลิศของ Porsche 911 โดยปราศจากการปรับเปลี่ยนที่เกินจำเป็นจากรูปทรงสุดคลาสสิก ของตัวถัง 2 ประตูคูเป้
Porsche 911 Targa รหัสตัวถัง 996
Porsche เปิดตัวสปอร์ตเจนเนอเรชั่นที่ 5 ด้วยรถ 911 Carrera รหัสตัวถัง 996 ในปี 1997 ปรับงานออกเเบบ ติดตั้งเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 6 สูบนอน ระบายความร้อนด้วยน้ำเป็นครั้งแรก สำหรับตัวถังหลังคา Targa ของ 911/996 ทำตลาดตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2001 เคียงข้างกับพี่น้องตัวถังคูเป้ (Coupé) และ คาบริโอเล็ต (Cabriolet) เช่นเดียวกันกับรุ่นก่อนหน้า Porsche 911 Targa ติดตั้งระบบควบคุมการทำงานของหลังคาด้วยไฟฟ้า มีพื้นที่ส่วนหลังคาเปิดมากกว่า 1.5 ตารางเมตร เป็นพื้นผิวกระจกที่มากที่สุดของ Porsche 911 Targa นอกจากนี้ Targa รุ่นใหม่ ยังถือเป็น 911 คันแรกที่มาพร้อมกระจกบังลมหลัง ที่สามารถเปิดได้ ส่งผลต่อความสะดวกสบายในการเข้าถึงห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ รวมทั้งเพิ่มความจุสูงสุดกว่า 230 ลิตร สามารถบรรจุกระเป๋าเสื้อผ้าหรือกระเป๋าเดินทางได้มากขึ้น
Porsche 911 4 และ 911 Targa 4S รหัสตัวถัง 997 มีการลดน้ำหนักของบานกระจก เป็นการเพิ่มทางเลือกด้วย 2 รุ่นย่อยเป็นครั้งแรก เปิดตัวในเดือนกันยายน ปี 2006 นับเป็น 911 Targa เจนเนอเรชั่นที่ 6 รหัสตัวถัง 997 โดยทั่วไปหลังคา Targa ของรุ่นนี้ มีงานออกแบบ ที่ไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าแต่อย่างใด เพียงแค่เพิ่มเติมชุดบานพับหลังที่ง่ายต่อการใช้งานยิ่งขึ้น ชิ้นส่วนหลังคาผลิตจาก กระจกชนิดพิเศษช่วยให้ลดน้ำหนักลงได้ถึง 1.9 กิโลกรัม ประดับด้วยแถบอะลูมิเนียมปัดเงาเดินคู่ตลอดแนวหลังคาซ้าย จรดขวาให้มุมมองทางสายตาที่โดดเด่นสง่างาม ตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่โดยสามารถเลือกระดับความแรงใน รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อได้เป็นครั้งแรก ใน Porsche 911 Targa 4 และ 911 Targa 4S
Porsche 911 Targa รหัสตัวถัง 991 การหวนคืนของตำนาน Targa โรล บาร์
ในเดือนกันยายน ปี 2011 Porsche เผยโฉมทายาทลำดับที่ 7 ด้วย 911 รูปลักษณ์ใหม่ นำทัพมาก่อนโดยรุ่นตัวถัง 2 ประตูคูเป้ (coupé) และตัวถังเปิดประทุน คาบริโอเล็ต (cabriolet) สำหรับ 911/991 Targa เปิดตัวครั้งแรกของโลก ในเดือนมกราคม ปี 2014 ในฐานะรถสปอร์ตคลาสสิกร่วมสมัยพร้อมนวัตกรรมหลังคา Targa ทั้งนี้ แนวคิดในการออกแบบหลังคา Targa ในอดีตประสบความสำเร็จจากการผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ช่วยให้การ ใช้งานเป็นไปอย่างสะดวกสบาย เช่นเดียวกันกับจุดกำเนิดของ Targa 911/991 รุ่นใหม่นั้น มีเสา B-pillars ขนาดใหญ่คาดกลางรถที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวส่วนของหลังคาที่เปิดออกได้บริเวณเหนือพื้นที่เบาะนั่งคู่หน้าและชิ้นงาน กระจกบังลมหลังที่โอบล้อมส่วนท้ายของรถโดยปราศจากเสา C-pillar สิ่งที่แตกต่างจากรุ่นก่อนคือระบบเปิดปิดหลังคาอัตโนมัติ หลังคาจะได้รับการเก็บอย่างแนบเนียนบริเวณด้านหลังห้องโดยสาร The new Porsche 911 Targa คือตัวแทนของความล้ำยุคผ่านนวัตกรรม ชั้นเลิศที่ต่อยอดความคลาสสิกของรุ่นปี 1965
Porsche เปิดตัว new 911/992 Targa รุ่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2020 สู่สายตาสาธารณชนทั่วโลกอย่างเป็นทางการผ่านช่องทาง web TV โอกาสนี้ Dr. Frank-Steffen Walliser รองประธานกรรมการบริหาร ผู้กำกับดูแลส่วนงานรถสปอร์ต 911 และ 718 รับหน้าที่อธิบายรายละเอียดต่างๆ ของอุปกรณ์ที่ได้รับการติดตั้งขึ้นใหม่ในตัวรถเคียงข้างกับพิธีกรระดับ Porsche Brand Ambassadors นักเทนนิสหญิงผู้มีชื่อเสียง Maria Sharapova และนักแข่งรถมืออาชีพ Jörg Bergmeister รับชมได้ที่ https://ift.tt/2TgZ50q สำหรับ episode ที่ 2 จะย้อนกลับไปสัมผัสกับประวัติศาสตร์ของ Porsche รวมทั้งปัจจัยต่างๆ ที่เป็นจุดกำเนิดแรงบันดาลใจในการพัฒนารถยนต์ใหม่ถึง 2 รุ่นด้วยกัน ความพิเศษที่ถือกำเนิดจากเทคโนโลยียานยนต์ชั้นเลิศ พร้อมงานออกแบบอมตะท้าทายกาลเวลา บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตสัญชาติเยอรมัน เปิดมุมมองใหม่ในสถานการณ์โคโรนาไวรัสที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกด้วยการเผยโฉมรถสปอร์ตรุ่นใหม่ไปยังสื่อมวลชนและแฟนๆ Porsche ผ่านทาง virtual format เป็นครั้งแรก.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
"ที่มา" - Google News
June 04, 2020 at 10:00AM
https://ift.tt/2U5jyGg
ย้อนอดีตประวัติความเป็นมา PORSCHE หลังคา TARGA - ไทยรัฐ
"ที่มา" - Google News
https://ift.tt/2ZXuIAi
No comments:
Post a Comment