กลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนที่ใช้ชื่อว่า "คณะประชาชนปลดแอก" นัดชุมนุมใหญ่วันนี้ (16 ส.ค.) มีผู้เข้าร่วมเต็มพื้นที่โดยรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและถนนราชดำเนินกลางจนถึงบริเวณแยกคอกวัว นับเป็นการชุมนุมทางการเมืองที่มีผู้เข้าร่วมมากที่สุดในรอบหลายปี ประกาศ 3 ข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ 1 ความฝัน คือการมี "ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ"
กิจกรรมนี้จัดขึ้นในวาระครบรอบเดือน หลังมีการชุมนุมใหญ่ครั้งแรกเมื่อ 18 ก.ค. ซึ่งในวันนั้นผู้จัดการชุมนุมในนาม "เยาวชนปลดแอก" ได้ประกาศ 3 ข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ ประกอบด้วย หยุดคุกคามประชาชน, ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และยุบสภา
ต่อมามีการพัฒนาเครือข่ายขึ้นเป็น "คณะประชาชนปลดแอก" เพื่อขยายแนวร่วมไปสู่นักกิจกรรมการเมืองตามสถานศึกษาต่าง ๆ รวมถึงประชาชนทั่วไป พร้อมเพิ่ม 2 หลักการ ได้แก่ ต้องไม่มีการทำรัฐประหาร และไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ และ "1 ความฝัน" คือการมี "ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ"
แม้มีข้อวิเคราะห์จากนักการเมืองและนักวิชาการบางส่วนว่า 10 ข้อเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ของนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ เมื่อ 10 ส.ค. เป็นปรากฏการณ์ "ทะลุเพดาน" และจะทำให้แนวร่วมการเคลื่อนไหวลดลง แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีประชาชนเข้าร่วมชุมนุมหลายพันคน โดยเมื่อเวลา 16.30 น. ตำรวจประเมินว่ามีผู้ชุมนุมประมาณ 3,000 คน ขณะผู้จัดการชุมนุมประเมินเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ว่าผู้ชุมนุม "ทะลุ 1 หมื่นคน"
ผู้ร่วมชุมนุมทยอยเดินทางมาที่ถนนราชดำเนินตั้งแต่ก่อน 15.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ผู้จัดการชุมนุมนัดหมาย บางส่วนชูป้ายข้อความที่นำมาเอง มีการตั้งเวทีขนาดเล็กบนถนนราชดำเนินกลางตรงข้ามศูนย์เบนซ์ธนบุรี แกนนำเริ่มต้นกิจกรรมด้วยการชวนผู้ชุมนุมร้องเพลง "แจวขับไล่รัฐบาล" เรียกร้องการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และหยุดการคุกคามประชาชน และเรียกร้องให้ ส.ว. 250 คน ที่ทีสิทธิโหวตเลือกนายกฯ ออกจากการเมือง
ขณะที่กลุ่มที่เรียกตัวเองว่าแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำโดยนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ได้เดินขบวนเรียกร้องย้ำข้อเรียกร้อง 10 ประการเกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ขณะที่บนเวทียังมีการปราศรัยในหลายประเด็นรวมถึงความเท่าเทียมทางเพศ
ตั้งแต่ช่วงเย็น มีหลายกลุ่มสลับกันขึ้นพูดหลากหลายปัญหาที่เกี่ยวกับการเรียกร้องประชาธิปไตยบนเวทีปราศรัย เช่น กลุ่มนักเรียนเลว กลุ่มประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กลุ่มรณรงค์รื้อสร้างร่างรัฐธรรมนูญใหม่ คณะผู้หญิงปลดแอกประชาชนกลุ่มหลากหลายทางเพศ
การชุมนุมใหญ่เมื่อ 18 ก.ค. ทำให้แกนนำจัดกิจกรรมอย่างน้อย 3 คน ได้แก่ นายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน, นายภาณุพงศ์ จาดนอก ประธานกลุ่ม "เยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย" และนายพริษฐ์ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ และแกนนำสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาลงวันที่ 6 ส.ค. ในข้อหาสร้างความปั่นป่วนให้เกิดความกระด้างกระเดื่องฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และอื่น ๆ รวม 7-8 ข้อหา
ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวทั้ง 3 คน โดยกำหนดเงื่อนไขว่าห้ามกระทำการใด ๆ ลักษณะเดียวกันกับการกระทำที่ถูกกล่าวหา มิฉะนั้นจะถือว่าผิดสัญญาประกัน แต่ทั้ง 3 คนก็ได้ปรากฏตัวในสถานที่ชุมนุมในวันนี้แล้ว
ด้านกองบัญชาการนครบาล (บช.น.) ระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 กองร้อย เข้ารักษาความสงบโดยรอบ พร้อมจัดชุดสืบสวนคอยหาข่าวและเก็บข้อมูลในระหว่างการชุมนุม โดยมีการประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงให้ระมัดระวังการละเมิดกฎหมายหลายฉบับ
ขณะเดียวกันประชาชนฝ่ายผู้เห็นต่างได้จัดตั้งองค์กรที่ใช้ชื่อว่า "ศูนย์กลางประสานนักศึกษาอาชีวะ ประชาชนปกป้องสถาบัน" หรือ ศอปส. ได้แทรกซึมอยู่ในสถานที่ชุมนุม "เพื่อทำการเก็บหลักฐานทั้งภาพและเสียงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ" หากพบการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ หลังพวกเขารวมกลุ่มกันแสดงพลังปกป้องสถาบันฯ ในจุดเดียวกันนี้เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา
ภายหลังจากการชุมนุมใหญ่เมื่อ 18 ก.ค. ได้เกิดการชุมนุมย่อยเพื่อประท้วงต่อต้านรัฐบาล หรือที่รู้จักในชื่อ "แฟลชม็อบ" ภาค 2 ตามมาอย่างน้อย 49 จังหวัดทั่วประเทศตามการรวบรวมข้อมูลของบีบีซีไทย ขณะเดียวกันมีประชาชนอีกกลุ่มได้จัดตั้งองค์กรตอบโต้ที่ใช้ชื่อว่า "ศูนย์กลางประสานนักศึกษาอาชีวะ ประชาชนปกป้องสถาบันฯ" (ศอปส.) ปรากฏความเคลื่อนไหวในการแสดงพลังปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างน้อย 11 จังหวัดทั่วไทย
"อานนท์" เชื่อสถาบันฯ พร้อมรับฟัง
นายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน ผู้เปิดปราศรัยเรื่องการขยายพระราชอำนาจสถาบันกษัตริย์ในพื้นที่สาธารณะเมื่อวันที่ 3 ส.ค. ให้สัมภาษณ์บีบีซีว่า การขยับเพดานการพูดประเด็นนี้ในที่ชุมนุมของประชาชน แม้จะมีความเสี่ยงในระยะแรก แต่เขาเชื่อว่าความเสี่ยงเหล่านี้จะค่อย ๆ หมดไปในที่สุด และเชื่อว่าข้อเสนอเหล่านี้จะทำให้ประเทศเดินหน้าต่อได้
นายอานนท์บอกว่าเขาเชื่อว่าสถาบันพระมหากษัตริย์พร้อมจะรับฟัง "และพวกเราทุกคนพร้อมจะพูดอย่างตรงไปตรงมา"
ทนายความสิทธิมนุษยชนวัย 35 ปี อธิบายว่า ต่อจากนี้ข้อเสนอเรื่องสถาบันกษัตริย์ซึ่งเป็น "ความฝัน" ของคณะประชาชนปลดแอก จะอยู่ในการเคลื่อนไหวต่อไป โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ และ 2 จุดยืน เป็นบันไดที่จะทำให้ความฝันนั้นเป็นจริง
"รากแก้วที่ต้องหยั่งลึก คือ สถาบันกษัตริย์ต้องอยู่กับประเทศไทย โดยอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญและเหนือการเมืองอย่างแท้จริง" เขาระบุ
นายอานนท์กล่าวถึงข้อเรียกร้อง 10 ประการเกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ที่มีการประกาศในการชุมนุมที่ มธ.ศูนย์รังสิตเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ว่า "เราเริ่มนับหนึ่งของประวัติศาสตร์หน้าใหม่อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ส่วนประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนไปตามที่เราคาดหมายหรือไม่เป็นหน้าที่ของเราที่จะช่วยกัน"
นายกฯ สั่งห้ามเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม
ก่อนการชุมนุมของคณะประชาชนปลดแอกจะเริ่มขึ้นไม่นาน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ดูความสงบเรียบร้อยร้อยในการจัดการชุมนุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่านายกฯ ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และขอให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ใช้ความอดทนอดกลั้นต่อการยั่วยุ ห้ามใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมเด็ดขาด โดยให้เข้าใจว่าความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติของการเมือง จึงต้องเปิดโอกาสให้เยาวชนคนหนุ่มสาวได้แสดงออกอย่างเต็มที่ แต่ต้องไม่เกินเลยกรอบของกฎหมาย และไม่กระทบต่อสิทธิของผู้อื่น
นอกจากนี้ นายกฯ ยังขอให้ทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะนำไปสู่ความรุนแรง ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนคนไทยไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก
รวมภาพการชุมนุม 16 ส.ค.
"ที่มา" - Google News
August 16, 2020 at 08:09PM
https://ift.tt/3h3ryRk
ประชาชนปลดแอก: ผู้ชุมนุมเต็มพื้นที่รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นายกฯ สั่งห้ามใช้ความรุนแรง - บีบีซีไทย
"ที่มา" - Google News
https://ift.tt/2ZXuIAi
No comments:
Post a Comment