ที่มาของภาพ, THAI NEWS PIX
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงรายละเอียดการสอบสวนโรคย้อนหลังกรณีผู้ต้องขังชายซึ่งติดเชื้อโควิด-19 เป็นรายแรกในประเทศหลังไม่พบผู้ติดเชื้อมากว่า 100 วัน ส่วนสาธารณสุข จ.นนทบุรี ใช้มาตรการให้ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในผับที่บุคคลนี้ทำงานเป็นดีเจมีผู้สัมผัเสี่ยงสูง 23 ราย ให้กักตัวในสถานกักของท้องถิ่นที่โรงพยาบาลบางกรวย 2 แล้ว
กรณีผู้ต้องขังชายในคดียาเสพติดที่พบการติดเชื้อระหว่างกักกันตัวผู้ต้องขังก่อนส่งตัวเข้าแดนในเรือนจำทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง (บางเขน) ถูกเปิดเผยอย่างเป็นทางการวานนี้ (3 ก.ย.) เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศรายแรก หลังจากประเทศไทยไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศมา 101 วัน
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค แถลงวันนี้ (4 ก.ย.) ว่า "ภาพรวมสามารถระบุคนมีความเสี่ยงสัมผัสเสี่ยงสูงได้ครบ ส่วนที่เสี่ยงต่ำรองลงมาอยู่ระหว่างการติดตาม ผลตรวจผู้สัมผัสใกล้ชิดทั้งหมดเกือบ 200 ราย ยังไม่พบผู้ใดติดเชื้อ"
ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค ได้แจกแจงไทม์ไลน์การสอบสวนโรคย้อนหลังเป็นเวลา 14 วัน นับจากวันตรวจพบเชื้อของชายคนดังกล่าว ซึ่งทำงานเป็นดีเจที่ผับร้านอาหารและค่าเฟ่ย่านถนนข้าวสาร ก่อนถูกตัดสินในคดียาเสพติดและเข้าสู่ห้องแยกกักโรคของเรือนจำเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยย้อนการสอบสวนโรคไป 2 สัปดาห์ คือวันที่ 15 ส.ค. พบว่ามีสถานที่ที่ต้องติดตามผู้สัมผัส 6 แห่ง ได้แก่ ที่บ้านพักคอนโดสวนธน พุทธบูชา ร้านอาหารสามวันสองคืน สาขาพระราม 3 และสาขาพระราม 5 คาเฟ่ย่านถนนข้าวสาร ศาลอาญารัชดา และห้องแยกกักที่มีผู้ต้องขังรายอื่นอยู่ด้วยของเรือนจำทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง (บางเขน)
"ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในที่ทำงานสามแห่งนี้ ในสถานที่ที่จำกัดและช่วงเวลาที่จำกัด ทีมงานของไทยชนะ มีใครบ้างที่สแกนหมายเลขโทรศัพท์เช็คอิน ณะนี้ได้ติดต่อไทปที่ผู้สแกนแล้ว ทั้งเอสเอ็มเอสและโทรศัพท์"
นพ.โสภณ ระบุว่าผู้สัมผัสใกล้ชิดที่อยู่ห้องแยกกักเดียวกัน จำนวน 32 ราย ตรวจไม่พบเชื้อ ขณะที่ผู้สัมผัสใกล้ชิดที่ศาลอาญา 156 คน ซึ่งแยกเป็นเสี่ยงสูง 10 คน เสี่ยงต่ำ 146 คน ผลยืนยันห้องปฏิบัติการตรวจไม่พบเชื้อเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ได้แนะนำคนผู้ที่สัมผัสเสี่ยงสูงกักตัวเองให้ครบ 14 วัน รวมทั้งครอบครัวที่พักอาศัยในที่พักเดียวกัน
กักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในผับสามวันสองคืน 23 คน ที่ รพ.บางกรวย 2
นพ. สฤษดิ์เดช เจริญไชย รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.นนทบุรี เปิดเผยว่าจากการลงพื้นที่ตรวจสอบร้านอาหารหรือผับที่ชื่อ สามวันสองคืน ที่ผู้ติดเชื้อเดินทางไปทำงานพบว่า ร้านดังกล่าวได้ปิดตัวเองไปแล้วชั่วคราว อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนโรคพบว่า ชายคนดังกล่าวมาทำงานเป็นดีเจเป็นเวลา 2 วัน ในช่วงเวลา 22.00-01.00 น.ของอีกวัน สภาพการทำงานอยู่ในโซนที่แยกเฉพาะ โอกาสที่จะสัมผัสกับคนในวงกว้างถือว่าจำกัด โดยชายคนนี้ทำงานอยู่บริเวณด้านนอกที่เป็นโซนร้านอาหาร มีลมและอากาศผ่านได้ดี
รองนายแพทย์ สสจ.นนทบุรี กล่าวอีกว่า จากผลการสอบสวนโรค พบว่ามีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอยู่ทั้งหมด 23 ราย เป็นพนักงานและผู้ใช้บริการ ทาง สสจ.ได้ติดตามให้มากักตัวที่โรงพยาบาลบางกรวย ที่ถูกจัดไว้เป็นสถานกักของท้องถิ่น (Local quarantine) ได้แล้ว 16 คน ซึ่งยังคงรอผลการตรวจเชื้อ และอยู่ระหว่างการติดตามอีก 7 คน
จ.นนทบุรี ยังมีคำสั่งให้ปิดร้านอาหารดังกล่าวเป็นเวลาสามวัน ตั้งแต่ 4-6 ก.ย. และทำความสะอาด
กรมควบคุมโรค ชี้อาการน้อย โอกาสแพร่เชื้อน้อย
ส่วนความกังวลของสาธารณะว่า การพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศจะมีผลต่อการเกิดการระบาดระลอกสองหรือไม่ ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า อาการของผู้ติดเชื้อรายนี้มีเพียงเล็กน้อย คือ มีเสมหะ ไม่มีไข้ จากหลาย ๆ หลักฐานที่ผ่านมา การมีอาการเพียงเล็กน้อย โอกาสที่จะเป็นคนแพร่เชื้อจะน้อยลง
ส่วนการรับเชื้อจากแหล่งที่มาใดนั้น นพ.โสภณ บอกว่า กิจกรรมของชายคนดังกล่าวที่เจอคนจำนวนมากในตอนกลางคืนจากการประกอบอาชีพ ในแง่ของวัยที่อายุ 37 ปี เป็นวัยของคนทำงาน ร่างกายแข็งแรง ดังนั้น โอกาสที่จะรับเชื่อ คือมาจากคนวัยทำงาน ซึ่งอยู่รวมกันสถานบันเทิง ทั้งชาวต่างชาติมาใช้บริการด้วย และปัจจัยในประเทศจากผู้ติดเชื้อที่มีอาการน้อย แต่ที่ผ่านมาไม่มีการระบาด เพราะประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีตามมาตรการสวมหน้ากาก ล้างมือบ่อย ๆ และเว้นระยะห่าง
"ข้อมูลที่ได้จากการสอบสวนโรค ทำงานกลางคืน กลางวันพักเป็นหลัก ไปที่ต่าง ๆ ที่มีคนจำนวนมาก ก็ไม่ได้เดินทางไป ส่วนเรื่องการใส่หน้ากากมีการปฏิบัติอยู่ แต่ไม่ได้ทำอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งก็เป็นสาเหตุว่าทำไมเขามีโอกาสได้รับเชื้อเช่นกัน"
"ที่มา" - Google News
September 04, 2020 at 03:22PM
https://ift.tt/2Z6XOw4
โควิด-19: สธ. ยืนยันผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ต้องขังติดโควิด เกือบ 200 ราย ยังตรวจไม่พบเชื้อ ส่วนนนทบุรี กักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในผับ 23 คน ที่ รพ. บางกรวย 2 - บีบีซีไทย
"ที่มา" - Google News
https://ift.tt/2ZXuIAi
No comments:
Post a Comment