หุ้นเด่นวันนี้
17 กรกฎาคม 2563 | 13:46
ราคาหุ้นของ บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART วันนี้ไต่ระดับขึ้นไปทำจุดสูงสุดรอบเช้าที่ 12.90 บาท แตะระดับนิวไฮรอบ 2 ปี 4 เดือนแล้ว หากเทียบจากจุดต่ำสุดในวิกฤตโควิด-19 รอบนี้ที่ 4.38 บาท ก็ถือว่าราคาหุ้นฟื้นมาแล้ว 194% ฟื้นตัวแรงเป็นอันดับต้นๆ ของตลาดหุ้นไทย
โดยราคาหุ้นปิดตลาดรอบเช้าไปที่ 12.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ +2.40% มูลค่าการซื้อขาย 295 ล้านบาท
แน่นอนว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาแรงเช่นนี้ย่อมทำให้ผู้ที่ลงทุนไปก่อนหน้าได้กำไรไปมหาศาลแล้ว นักลงทุนที่มาทีหลังก็ต้องยอมรับว่าผู้ที่มองเห็นโอกาสก่อนย่อมได้เปรียบกว่า โดยที่ก่อนหน้านี้ JMART ก็มีประเด็นบวกจากนักลงทุนชื่อดัง "บอย ท่าพระจันทร์" ออกมาแสดงความคิดเห็นเชิงบวกกับหุ้นตัวนี้ด้วย
แต่โอกาสสำหรับผู้มาทีหลังก็ยังมี เพราะภาพการเติบโตของ JMART ในฐานะบริษัท "ฟินเทค" แม้จะถูกวางโครงสร้างมาแล้วแต่ภาพรวมก็ยังไม่ชัดถึงขนาดที่ทุกคนรับรู้และทุ่มเงินเข้ามาซื้อจนราคาสะท้อนการเติบโตไปหมดแล้ว
นักลงทุนน่าจะเคยได้ยินคำว่า "ฟินเทค(FinTech)" ที่มาจากคำว่า Fin(Financial) บวกับ Tech(Technology) กันมานานแล้ว แต่บริการที่จับต้องได้ในไทยตอนนี้ก็มีไม่มาก และเป็นบริการที่ไม่ได้ซับซ้อนนัก อย่างเช่น โมบายแบงก์กิ้ง แอพพลิเคชั่นบัตรเครดิต และการจ่ายเงินต่างๆ เท่านั้น
แต่การนำระบบบิ๊กดาต้า(Big Data) คลาวด์(Cloud Computing) และ บล็อกเชน(Blockchain) มาใช้ให้บริการในระดับเดียวกับบริษัท "ฟินเทค" ต่างประเทศแบบจีนและสหรัฐฯที่ล้ำหน้าไปกว่าเรามาก นักลงทุนยังคงนึกภาพไม่ออก ซึ่ง JMART กำลังก้าวไปสู่บริษัทฟินเทคในระดับเดียวกันอยู่นั่นเอง
ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์(บล.)บัวหลวง ได้ฉายภาพ JMART ในฐานะบริษัทฟินเทคไว้อย่างน่าสนใจ ว่า ปัจจุบันกลุ่ม JMART มีฐานข้อมูลลูกค้าอยู่ถึง 7 ล้านราย ซึ่งหลังจากนี้จะนำฐานข้อมูลทั้งหมดในรูปแบบ Big Data มาใช้งานบนระบบของบริษัทรวมถึงระบบ Blockchain เพื่อทำธุรกิจสินเชื่อผ่านบริษัทในกลุ่ม อย่าง SINGER - JMT และ J Fintech ที่มี KB Bank จากเกาหลีใต้ร่วมทุนอยู่ โดยมีเป้าหมายหลักคือลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าสู่บริการของธนาคารได้ ซึ่งมีถึงราว 20 ล้านคน
ผลลัพท์ ก็คือ จะเริ่มเห็นการปล่อยสินเชื่อทุกประเภทสินค้า การทำบัตรเครดิต ธุรกรรมการเงิน ธุรกิจนายหน้าขายประกัน ผ่านบริษัทในกลุ่มเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ เพราะขั้นตอนการตรวจสอบ เครดิตบูโร และอนุมัติ จะทำเสร็จสิ้นได้ทั้งหมดผ่านอินเตอร์เน็ต ไม่ต้องอาศัยงานเอกสารที่ช้าและต้นทุนสูง ทำให้รายได้ในระยะถัดไปจะขยายตัวสูง ในขณะที่มีต้นทุนต่ำ
ในระยะสั้นอาจต้องยอมรับว่า JMART ยังต้องพึ่งพากำไรหลักๆ มาจาก JMT ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพมั่นคงสุดในตอนนี้ และต่อไปจะเริ่มได้ SINGER เข้ามาหนุน และเติบโตต่อด้วยฟินเทค
บล.บัวหลวง ประเมินการเติบโตของกำไรสุทธิในปี 62 - 64 ไว้ที่ 520 ล้านบาท(-2.6% YoY) 650 ล้านบาท(+24.5% YoY) และ 857 ล้านบาท(+32.3% YoY) ตามลำดับ ซึ่งปัจจุบันกำไรส่วนใหญ่ยังพึ่งพาธุรกิจ JMT ที่สร้างฐานกำไรราว 75% ของทั้งหมด
แต่หลังจากนี้จะได้ SINGER ที่สามารถแก้ไขปัญหา NPL ได้แล้ว และสามารถทำยอดขาย-กำไรได้ดีกว่าคาดเข้ามาหนุน
จากการสำรวจการประเมินมูลค่าของนักวิเคราะห์ให้ราคาเหมาะสมไว้ใกล้เคียงกันที่ 14.8 - 15 บาท โดยให้น้ำหนักไว้กับการเติบโตในอนาคตที่สูงมาก
*เทียบราคาสูงสุดของรอบเช้า
ข่าวหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ
RECOMMENDED NEWS
Let's block ads! (Why?)
No comments:
Post a Comment