ศบค. มีมติยกเลิกการอนุญาตการบินเข้าของเที่ยวบินกองทัพอากาศอียิปต์ทั้งหมด หลังพบไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด และชะลอการอนุญาตเดินทางเข้าในกลุ่มยกเว้นพิเศษ บุคคลในคณะทูต และนักธุรกิจจนกว่าจะมีมาตรการชัดเจน และประชาชนกลับมามีความเชื่อมั่น
กรณีบุคคลในคณะทหารสัญชาติอียิปต์วัย 43 ปี ซึ่งเป็นลูกเรือเครื่องบินทหารที่มาลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากการตรวจเชื้อยืนยันครั้งที่ 2 และพบว่ามีการออกนอกพื้นที่ไปยังห้างสรรพสินค้า ทำให้ในวันนี้ (14 ก.ค.) ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้มีมติปรับเงื่อนไขการอนุญาตเดินทางเข้าประเทศของกลุ่มบุคคลยกเว้นพิเศษ
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงว่าที่ประชุม ศบค. เห็นถึงความหละหลวมที่เกิดขึ้นระหว่างรอยต่อของการทำงาน นำมาซึ่งความเสี่ยงของการติดเชื้อ และทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น จึงมีมติให้กระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการยกเลิกการอนุญาตการบินเข้าของเที่ยวบินกองทัพอากาศอียิปต์ทั้งที่อนุญาตไปแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 8 เที่ยวบิน ด้วยตามข้อตกลงการเดินทางต้องเข้ารับการกักกันตามที่เจ้าพนักงานโรคติดต่อกำหนดตลอดระยะเวลาที่เข้าพำนัก แต่กรณีนี้พบว่าสถานทูตมีการติดต่อโรงแรมโดยตรงเพื่อเข้าพัก อีกทั้งในการเข้าไปตรวจคัดกรองขั้นแรกไม่ได้รับความร่วมมือ จึงต้องมีการติดต่อไปยังสถานทูตเพื่อสั่งการ
ที่ประชุม ศบค. ยังมีมติให้ชะลอการอนุญาตการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรแบบผ่อนคลายตามมาตรการกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัด (State Quarantine) ตามข้อกำหนดฉบับที่ 12(2) คือ กลุ่มที่มีเหตุยกเว้น ได้แก่ กลุ่มบุคคลในคณะทูต กลุ่มนักธุรกิจที่เดินทางเข้ามาในระยะสั้น ออกไปก่อน เพื่อทบทวนระบบ และจนกว่าประชาชนจะกลับมามีความเชื่อมั่นอีกครั้ง
ศบค. จะดำเนินการทบทวนการผ่อนคลายมาตรการกักกันของบุคคลในคณะทูต โดยเฉพาะคู่สมรส บิดามารดา หรือบุตร ซึ่งเห็นถึงความเสี่ยงจึงจะมีการพิจารณาให้เข้าพักในสถานที่กักกันของรัฐทั้งหมดเป็นเวลา 14 วัน
"เราจะต้องขออภัยในสิ่งที่เกิดขึ้นทุก ๆ เรื่อง และจะรับมาเป็นข้อปฏิบัติและทำให้ดีที่สุด ในชุดข้อต่อเล็ก ๆ ในจุดที่หละหลวมทุก ๆ จุด" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามระหว่างการแถลงถึงหน่วยงานทีต้องรับผิดชอบ โฆษก ศบค. ยืนยันว่าคงจะโทษใครไม่ได้ นับเป็นความผิดของ ศบค.ที่ต้องดำเนินการแก้ไข และยังแสดงความเสียใจที่ทำให้มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก
ไทม์ไลน์การสอบสวนโรค
จากภาพกล้องวงจรปิดของโรงแรม นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ทางสาธารณสุข จ.ระยอง ได้รับแจ้งว่าจะมีเที่ยวบิน EGY 1215 และ EGY 1216 มาลงจอดที่สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งเป็นเที่ยวบินทางทหารมีกัปตันและลูกเรือรวม 31 คน โดยมีประเทศต้นทางคือปากีสถาน เดินทางต่อไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพื่อปฏิบัติการทางทหาร และเข้าสู่ประเทศไทย
- 8 ก.ค. เครื่องบินจากปากีสถาน เข้าสู่ประเทศไทย ลงจอดที่อู่ตะเภาเวลา 19.00 น. คณะเข้าพักที่โรงแรมDVaree อ.เมือง จ.ระยอง ในเวลา 23.00 น. ทุกคนเข้าพักโดยมีเพื่อนร่วมห้อง 1 คน ยกเว้นกัปตัน
- 9 ก.ค. กลุ่มดังกล่าวเดินทางออกจากโรงแรม เวลา 5.30 น. เพื่อไปทำภารกิจทางทหาร โดยเติมน้ำมันที่เมืองเฉิงตู ประเทศจีน
- 10 ก.ค. เดินทางกลับถึงสนามบินอู่ตะเภา เวลา 02.00 น. และเข้าพักที่โรงแรมเดิม ต่อมาเวลา 11.20 น. ลูกเรือจำนวนหนึ่งได้เดินทางออกจากที่พักไปยังห้างสรรพสินค้า 2 แห่งใน อ.เมืองระยอง คือ ห้างแหลมทอง และห้างเซนทรัลฯ
- 11 ก.ค. คณะทั้งหมดเดินทางกลับประเทศอียิปต์
โฆษก ศบค. กล่าวว่า ขณะออกนอกเคหะสถาน มีเพียง 10% ของลูกเรือที่ใส่หน้ากากอนามัย โดยในวันที่เดินไปห้างแหลมทองช่วงเวลา 11.00 -14.59 น. นั้น ประกอบด้วยลูกเรือ 27 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือผู้ยืนยันติดเชื้อ โดยบุคคลดังกล่าวมีการสวมหน้ากากอนามัย
ในช่วงเวลานั้นมีลูกเรือ 4 คน ที่ไม่ได้รวมผู้ติดเชื้อได้นั่งรถแท็กซีไปยังห้างเซ็นทรัลฯ ระยอง ช่วงเวลา 14.00-18.00น. ก่อนที่จะได้เรียกรถคันเดิมให้ไปรับกลับ โฆษก ศบค. กล่าวว่า ได้มีการติดตามคนขับยืนยันไม่มีผู้ป่วยในกลุ่มดังกล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จากการสอบสวนโรคแบ่งกลุ่มผู้สัมผัสเป็น 2 กลุ่ม คือ ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจำนวน 9 คน จำแนกตามสถานที่ คือ โรงแรม DVaree 7 คน ประกอบไปด้วยผู้จัดการ พนักงานขาย แม่บ้าน โดยทั้งหมดไม่มีอาการทางเดินหายใจ มีการแยกกักตนเองเป็นเวลา 14 วัน ในโรงแรมที่จัดเตรียมไว้ และสนามบิน 2 คน อีกกลุ่มคือ ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำจำนวน 9 คน เป็นหน่วยปฏิบัติควบคุมโรคติดต่อหรือทีมสอบสวนโรค และทีมตรวจคนเข้าเมือง จ.ระยอง
โฆษก ศบค. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงเวลาเดียวกันที่คณะดังกล่าวเข้าไปยังห้างแหลมทอง มีประชาชนอยู่ในห้าง 394 คน ขณะที่ในห้างเซ็นทรัลระยองมีประชาชนอยู่ 1,488 คน โดยกรมควบคุมโรคจะติดต่อไปยังบุคคลเหล่านี้เพื่อเข้ารับการตรวจโดยทันที
ขณะที่สถานการณ์ประเทศไทยวันที่ 14 ก.ค. พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 7 ราย ทั้งหมดอยู่ในสถานที่กักกันของรัฐ ส่งผลให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,227 ราย ผู้เสียชีวิตคงที่ 58 ราย ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 78 ราย และรักษาหายแล้ว 3,091 ราย
รองผู้บัญชาการทหารบก ชี้เป็นความผิดส่วนบุคคล
ก่อนการประชุม ศบค.ชุดเล็กวันนี้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรองประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีทหารชาวอียิปต์ติดเชื้อโควิค-19 ใน จ.ระยอง ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความผิดส่วนบุคคลที่ลักลอบออกไปนอกพื้นที่ที่กำหนด ถือเป็นการกระทำฝ่าฝืนส่วนบุคคล ไม่ได้เกิดจากความหละหลวมหรือความผิดพลาดของระบบ เพราะจากการตรวจสอบแล้วพบว่าทุกหน่วยงานทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่
สำหรับวิธีการคัดกรองเชื้อที่สนามบินอู่ตะเภา พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่าการตรวจคัดกรองตามขั้นตอน มี 2 ลักษณะ คือ การตรวจสอบจากเอกสารต้นทางซึ่งสามารถยืนยันได้ในระดับหนึ่ง และเพื่อความมั่นใจจะมีการตรวจด้วยวิธีการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งอีกครั้ง
ส่วนที่ประเด็นที่ปรากฏตามสื่อว่าทหารอียิปต์ไม่ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทำการตรวจเชื้อนั้น รองผู้บัญชาการทหารบก ชี้แจงว่า ทางคณะของอียิปต์มีความเข้าใจว่าเมื่อมีเอกสารยืนยันจากต้นทางแล้ว เหตุใดทางการไทยจึงต้องตรวจซ้ำ
กระแสความไม่พอใจของประชาชนต่อการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ยังรุนแรงอยู่ทางโลกออนไลน์ ล่าสุด เมื่อเวลา 15:00 น. แฮชแท็ก #รัฐบาลส้นตีนคนเชียร์ก็ส้นตีน ติดอันดับ 1 เทรนดิงทางทวิตเตอร์ ด้วยยอดทวีตถึง 3.72 แสนครั้ง
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อมวลชน กรณีที่ทหารและรัฐบาลถูกโจมตีอย่างหนักในช่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ได้มีการชี้แจงไปบางส่วนแล้ว ซึ่งตามแนวชายแดนขณะนี้หน่วยงานความมั่นคงได้คุมเข้มเรื่องการเข้าออกตามจุดผ่อนปรนธรรมชาติ ซึ่งจะไปจับทุกคนคงเป็นไปไม่ได้ และหน่วยงานได้ทำการสอบสวนอยู่แล้ว จึงขอให้ใจเย็น ๆ และรอฟังผลการประชุม ศบค.ก่อน
สำหรับกรณีแนวทางให้ชะลอการเดินทางของบุคคล VIP เข้าประเทศนั้น พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ส่วนตัวยังไม่สามารถตอบได้เอง โดยยืนยันคำเดิมต้องรอที่ประชุมมีความเห็นลงมาก่อน เช่นเดียวกับการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินด้วย
"อนุทิน" รับมีความเป็นไปได้ขึ้นแบล็กลิสต์อียิปต์
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาระดับระดับประเทศและระดับโลก เนื่องจากอาจมีบางมาตรการที่ประเทศไทยเองยังขันน็อตไม่เเน่น จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข ซึ่งทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนการหารือของ ศบค.
ส่วนความเป็นไปได้ที่จะมีการขึ้นแบล็กลิสต์ไม่ให้ประเทศอียิปต์เดินทางเข้าประเทศไทยนั้น นายอนุทิน ระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศจะต้องมีการพิจารณามากยิ่งขึ้น และพยายามทำให้เกิดความเป็นปกติมากที่สุด ซึ่งหากกลับมามีปัญหาพบติดเชื้อก็พร้อมกลับไปสู่มาตรการเข้มตามเดิม
รมว.สาธารณสุข กล่าวย้ำอีกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการผ่อนปรนมาตรการเต็มรูปแบบจึงต้องกลับไปหารือกับ ศบค.อีกครั้งเพื่อทบทวนมาตรการให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ ซึ่งต้องคำนึงถึงความปลอดภัย และความสะดวกของประชาชน ทั้งนี้ยืนยันว่าจะไปลงโทษอียิปต์ไม่ได้ แต่หากให้ติดแบล็กลิสต์นั้นมีความเป็นไปได้ รวมถึงกรณีการให้สิทธิทางการทูตเข้าประเทศในระยะสั้นก็ต้องพิจารณามาตราใหม่เช่นเดียวกัน
ใครทำอะไรแล้วบ้าง
- หลังยืนยันพบการติดเชื้อแล้ว หน่วยปฏิบัติควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางและเจ้าหน้าที่สำนักควบคุมโรคเขตสุขภาพ (สคร.) ลงพื้นที่เพื่อสืบสวนโรคเชิงลึก เพื่อหาเส้นทางการเดินทางในระหว่างอยู่ในประเทศไทย
- ศูนย์บริหารและประสานการปฏิบัติการโควิด-19 จ.ระยอง ให้บริการตรวจเชื้อโควิด-19 ฟรี ในวันนี้ สำหรับกลุ่มประชาชนที่สงสัย หรือมีการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง โดยจะใช้รถพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยตรวจโรค ณ ห้างแพชชั่นระยองและห้างเซ็นทรัลระยอง ในเวลา 11.00-15.00 น.
- วันนี้ (14ก.ค.) ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สธ. ลงพื้นที่ จ.ระยอง ร่วมประชุมที่สำนักงานสาธารณสุข จ.ระยอง และผู้ว่าราชการจังหวัด ก่อนที่จะเข้าเยี่ยมโรงแรมที่พักผู้เดินทางกลุ่มดังกล่าว และตรวจเยี่ยมรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน ที่ห้างแหลมทอง รวมถึงลงพื้นที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลระยอง
"ที่มา" - Google News
July 14, 2020 at 02:46PM
https://ift.tt/3j1aVaA
โควิด-19 : กรณีทหารอียิปต์-ลูกทูต รัฐบาลชี้แจงอะไรบ้าง หลังขอโทษประชาชน - บีบีซีไทย
"ที่มา" - Google News
https://ift.tt/2ZXuIAi
No comments:
Post a Comment